7 วิธีทำแท้งที่นิยม

ในวันที่เราไม่พร้อม แต่การตั้งครรภ์ได้เกิดขึ้นแล้ว จะมีวิธีใดบ้างที่เราจะสามารถแก้ปัญหาในเรื่องของการตั้งครรภ์ไม่พร้อมนี้ได้ แล้วแต่ละมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ได้ผลดีมากน้อยแค่ไหน เรามาดูกันค่ะ

  • 1. กินยาสตรี/เหล้าขาว/ยาทัมใจ

สิ่งเหล่านี้คาดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักกันดี เช่น

ยาสตรี ผู้หญิงส่วนใหญ่รู้จักกันดีในนามยาสตรีเบนโล ยาสตรีเพ็ญพาค และอีกหลายๆยี่ห้อ ผู้หญิงหลายคนเคยทาน หรือทานเป็นประจำด้วยซ้ำ เนื่องจากยาสตรีมีสรรพคุณในการขับเลือดประจำเดือนในกรณีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ แต่…ยาสตรีไม่สามารถทำแท้งได้ เพราะสรรพคุณของสมุนไพรต่างๆในยาสตรีมีฤทธิ์ในการบำรุง และ ปรับสมดุลฮอร์โมนเท่านั้น เมื่อฮอร์โมนสมดุลดี ประจำเดือนจึงมาตามปกติ แต่ถ้าหากประจำเดือนไม่มาเพราะท้อง ยาสตรีไม่สามารถทำแท้งได้
เหล้าขาว มีความชื่อกันมาแต่โบราณว่าการกินเหล้าขาวจะทำให้แท้ง แต่ในความจริงนั้นไม่ใช่แต่เพียงเหล้าขาว แต่เหมารวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ และ ชา กาแฟ โกโก้ด้วย สาเหตุที่ที่หมอให้คนท้องงดของเหล่านี้เพราะ แอลกอฮอล์มีผลทำให้ทารกในครรภ์มีรูปร่างผิดปกติ อวัยวะเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ คาเฟอีนส่งผลทำให้ทารกสามารถดูดซึมแร่ธาตุ และสารอาหารได้น้อย โดยรวมเลยจึงเสี่ยงที่จะทำให้ทารกเกิดมาไม่สมบูรณ์นั่นเอง แต่ไม่สามารถทำให้แท้งได้

ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น : 100 – 200 บาท

หาซื้อได้ : ตามร้านมินิมาร์ช ร้านขายยา หรือ ห้างสรรพสินค้าทั่วไป

  • 2. การใช้แรงบีบเค้นบริเวณท้องอย่างรุนแรง

เป็นวิธีการสมัยโบราณ คล้ายการทำคลอดโดยหมอตำแย ทั้งบีบ ทั้งเค้น ทั้งใช้แรงกระแทกที่หน้าท้อง เหมาะสำหรับอายุครรภ์เยอะๆ มดลูกจะมีขนาดโตพอที่สามารถใช้แรงกดถึงได้ จึงมีความเสี่ยงสูง เสี่ยงต่อมดลูกแตกได้

หรือบางคนอาจใช้วิธีทุบท้องตัวเอง ให้แฟนต่อยท้อง พยายามล้มหรือทำให้เกิดอุบัติเหตุโดยมุ่งเน้นให้จุดที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงเป็นบริเวณท้อง เช่น พยายามล้มเอาท้องลง พยายามตกบันได้ พยายามกระแทกของโต๊ะ หรือแม้แต่วิ่งไปให้รถชน วิธีเหล่านี้สามารถทำให้แท้งได้ แต่ก็เสี่ยงอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินทั้งของตนเอง และผู้อื่น

  • 3. ใส่อุปกรณ์นำสารเข้าช่องคลอด

วิธีนี้มักใช้เพื่อชักนำการคลอดตามปกติในโรงพยาบาลในกรณีที่คนไข้มีการเจ็บท้องคลอดแต่ปากมดลูกไม่เปิด มดลูกยังบีบรัดตัวไม่ดีพอ โดยมีการใส่อุปกรณ์เข้าไปทางช่องคลอด และฉีดสารบางอย่างเข้าไป อาจจะเป็นน้ำเกลือ น้ำตาลกลูโคส หรือยาสำหรับชักนำการคลอดโดยเฉพาะ ก็จะทำให้ปากมดลูกเปิด และ มดลูกบีบรัดตัวได้ดีขึ้นจนนำไปสู่การคลอดได้สำเร็จ

แต่…เมื่อนำวิธีนี้มาประยุกต์ใช้กับการทำแท้งเถื่อน จากผู้ที่ไม่มีความรู้หรือไม่เชี่ยวชาญ มีการสอดสายยาง หรือ กระบอกเข็มฉีดยา เข้าไปในช่องคลอด แล้วฉีดสารบางอย่างเข้าไปเช่น น้ำ แอลกอฮอล์ หรืออะไรก็ไม่รู้อีกมากมายซึ่งเราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาฉีดอะไรให้ นอกจากจะอันตราย และอาจจะไม่แท้งแล้ว อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพราะอุปกรณ์ไม่สะอาด หรือมีการทำรุนแรงกับอวัยวะ ทำให้ช่องคลอดฉีกขาด หรือปากมดลูกเป็นแผลได้ ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อตามมาในภายหลัง

  • 4.ฉีดน้ำเกลือเร่งคลอด

คือการแทงเส้นให้น้ำเกลือตามปกติเหมือนเวลาเข้าโรงพยาบาล แต่จะมีการให้ยาเร่งคลอดผสมไปในน้ำเกลือนั้น สามารถทำให้แท้งได้ เหมาะสำหรับอายุครรภ์เยอะๆ วิธีนี้ไม่สามารถทำเองได้ที่บ้าน ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น

ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น : 15,000

สถานที่รับบริการ : โรงพยาบาล

  • 5. ขูดมดลูก

การขูดมดลูกเป็นวิธีการทำแท้งแบบเก่า ใช้เครื่องมือสอดเข้าไปทางช่องคลอดผ่านปากมดลูกเข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อขูดเอาเยื่อบุโพรงมดลูกหรือเนื้อเยื่อที่อยู่ในโพรงมดลูกออกมา ข้อดีคือ แท้งแน่นอน 100% ไม่มีตกค้าง ข้อเสียคือ ราคาสูง และหากรับการขูดมดลูกจากคลินิกทำแท้งเถื่อน เครื่องมีอาจไม่สะอาด ผู้ทำอาจไม่เชี่ยวชาญมากพอ เสี่ยงต่อการติดเชื้อ มดลูกทะลุ ส่งผลให้เกิดการตกเลือดเสียชีวิตได้

ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น : 25,000 บาท

สถานที่รับบริการ : โรงพยาบาล

  •  6. ดูดสุญญากาศ

เป็นวิธีทำแท้งที่แพทย์นิยมใช้ในปัจจุบันเนื่องจากมีโอกาสมดลูกทะลุน้อยกว่าการขูดมดลูก คนไข้ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายในการรักษาถูกกว่าวิธีขูดมดลูก

ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น : 5,000 – 20,000 บาท ราคาตามอายุครรภ์

สถานที่รับบริการ : โรงพยาบาล

  • 7. ใช้ยาทำแท้ง

เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ปลอดภัยที่สุด สามารถทำเองได้ที่บ้านง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องให้แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเป็นคนทำให้ เหมาะสำหรับทุกช่วงอายุครรถ์ (4-24 สัปดาห์) และราคาถูก โดยยาที่ใช้จะประกอบไปด้วย ยาตัวหลักคือ ไมโซพรอสทอล (Misoprostol) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไซโตเทค (Cytotec) ยาตัวนี้มีคุณสมบัติในการทำให้มดลูกบีบตัวเพื่อเร่งคลอด สามารถนำไปใช้ด้วยวิธีการ เหน็บช่องคลอด อมใต้ลิ้น หรือทานกับน้ำ ก็ได้ ยาตัวรองคือ ไมเฟพริสโตน (Mifepristone) หรือที่รู้จักกันในนาม RU486 หรือ ยากินทำแท้ง หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าทาน RU486 อย่างเดียวแล้วจะแท้งได้ จริงๆแล้วไม่เป็นเช่นนั้น RU486 มีหน้าที่ในการบล็อกฮอร์โมนตั้งครรภ์เพื่อส่งสัญญาณให้รกลอกออกจากผนังมดลูกและช่วยเปิดปากมดลูก ดังนั้น ตัวหลักของการใช้ยาทำแท้งคือ ไมโซพรอสทอล หรือ ไซโตเทค ที่ทำหน้าที่บีบรัดมดลูกเพื่อเร่งคลอด ไมเฟพริสโตน หรือ RU486 มีหน้าที่เพียงทำให้การแท้งนั้นเกิดได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แนะนำให้ใช้คู่กันทั้ง 2 ตัวยาจะได้ผลดีที่สุด

ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น : 1,500 บาท ราคาตามอายุครรภ์

หาซื้อได้ที่ : แอดไลน์ไอดี @cytotank 

เงิน กับ การทำแท้ง ปัญหาที่มากกว่าแค่การท้องไม่พร้อม

วันนี้จะมาในแนวสะท้อนปัญหาสังคมซักหน่อย เพราะถ้าเราได้มีโอกาสเปิดอกเปิดใจคุยกันอย่างตรงไปตรงมาแล้วเราจะเห็นว่าการทำแท้งไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นเพียงวิธีการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุวิธีการหนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้นหัวข้อที่เราคุยกันในวันนี้จะโฟกัสไปที่ต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาที่ทำให้ผู้คนมากมายจะเลือกที่จะแก้ปัญหานั้นด้วยการทำแท้ง

        ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าวัตถุประสงค์ของบทความนี้ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำแท้ง เพียงแต่เขียนขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจ เพื่อแสดงความเข้าใจ และเห็นใจ กับผู้ที่กำลังมีความคิดว่าต้องการที่จะทำแท้ง

สาเหตุหลักของการท้องไม่พร้อมมีดังนี้

1.ไม่พร้อมด้านปัจจัย 4 ที่พัก อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค

  1. หลายครอบครัวมีปัญหาในเรื่องของรายได้ แล้วรายได้ไปเกี่ยวอะไรกับปัจจัย 4 ล่ะ ประชากรส่วนมากในประเทศไทยยังคงเป็นผู้มีรายได้น้อย ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพที่พุงสูงขึ้นในทุกๆวัน ดังนั้นการจัดหาปัจจัย 4 ให้ดีพอ เหมาะสมกับการมีลูกนั่นถือเป็นเรื่องยากลำบาก เป็นการเพิ่มภาระ เมื่อการตั้งครรภ์ มีลูก จะเป็นการเพิ่มความลำบากให้ตนเองและครอบครัวมากขึ้น จึงเป็นชนวนนำไปสู่การแก้ปัญหาด้วยการทำแท้ง
  2. 2. ความสัมพันธ์ในครอบครัว 
  3. หลายครอบครัวที่ความสัมพันธ์ระหว่างสามี ภรรยา ไม่ได้เป็นไปด้วยดีนัก ดังนั้นเมื่อภรรยาทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ผู้หญิงส่วนใหญ่มักเลือกที่จะทำแท้ง และส่วนมากมักเป็นการแอบทำ ไม่ให้สามีทราบ เพียงเพราะความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ได้เป็นไปด้วยดี มีความกังวลว่าสามีจะทิ้งถ้าหากรู้ว่าตนเองท้อง หรือ มีความกังวลว่าสามีจะไม่สามารถทำหน้าที่พ่อที่ดีได้ 
  4. หลายครอบครัวมีปัญหาในเรื่องของรายได้ แล้วรายได้ไปเกี่ยวอะไรกับปัจจัย 4 ล่ะ ประชากรส่วนมากในประเทศไทยยังคงเป็นผู้มีรายได้น้อย ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพที่พุงสูงขึ้นในทุกๆวัน ดังนั้นการจัดหาปัจจัย 4 ให้ดีพอ เหมาะสมกับการมีลูกนั่นถือเป็นเรื่องยากลำบาก เป็นการเพิ่มภาระ เมื่อการตั้งครรภ์ มีลูก จะเป็นการเพิ่มความลำบากให้ตนเองและครอบครัวมากขึ้น จึงเป็นชนวนนำไปสู่การแก้ปัญหาด้วยการทำแท้ง
  5. ความสัมพันธ์ในครอบครัว หลายครอบครัวที่ความสัมพันธ์ระหว่างสามี ภรรยา ไม่ได้เป็นไปด้วยดีนัก ดังนั้นเมื่อภรรยาทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ผู้หญิงส่วนใหญ่มักเลือกที่จะทำแท้ง และส่วนมากมักเป็นการแอบทำ ไม่ให้สามีทราบ เพียงเพราะความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ได้เป็นไปด้วยดี มีความกังวลว่าสามีจะทิ้งถ้าหากรู้ว่าตนเองท้อง หรือ มีความกังวลว่าสามีจะไม่สามารถทำหน้าที่พ่อที่ดีได้ 
  6. 3. วัยของผู้ตั้งครรภ์ 
  7. ซึ่งในที่นี้ต้องบอกก่อนเลยว่า การท้องไม่พร้อมสามารถที่จะเป็นปัญหาได้ในทุกช่วง ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะในผู้ตั้งครรภ์ที่อายุน้อยๆ หรือพูดง่ายๆก็คือ การท้องในวัยเรียนนั่นเอง ในผู้ตั้งครรภ์ที่อายุเยอะก็มีปัญหาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาทางด้านสุขภาพ เพราะฉะนั้นจะขอข้ามเรื่องนี้ไป ส่วนการท้องในวัยเรียนถ้าเราต้องเปิดหัวข้อคุยกันในเรื่องนี้ว่าท้องในวัยเรียนแล้วจำเป็นต้องแก้ปัญหาด้วยการทำแท้งเสมอมั้ย ก็คงต้องตอบว่าไม่จำเป็น แต่ถ้าจะไปต่อในเรื่องของที่ว่าสามารถที่จะเก็บลูกไว้ แล้วเรียนด้วย เลี้ยงลูกด้วยได้หรือไม่ อันนี้ก็อาจจะต้องไปตกลงกันในแต่ละครอบครัวกันต่อไป 
  8. 4. พลาด พลาดในที่นี้คือ การตั้งครรภ์จากการที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น ไม่ได้ต้องการมีบุตรหรือลงหลักปักฐานสร้างครอบครัว แต่ไม่ได้ป้องกัน หรือ เกิดความผิดพลาดจากการป้องกัน
  9. ไม่อยากมี สาเหตุนี้พบมากในยุคสมัยนี้โดยเฉพาะวัยทำงานที่มีความพร้อมทั้งทางด้านการเงิน การงาน มีครอบครัวที่ดี มีความรู้และความสามารถเพียงพอที่จะเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เจริญเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดีและมีความสุขได้ แต่พวกเขาเหล่านี้อาจจะมีมุมมองที่ต้องกรความสุขสงบเพียงส่วนตัว ไม่อยากมีเด็กอีกคนเพิ่มเข้ามาให้เป็นภาระต้องรับผิดชอบ จึงเลือกที่จะทำแท้งเพียงแค่เพราะว่าไม่อยากมี 
  10. 3 ใน 5 สาเหตุนี้ล้วนมีรากฐานของปัญหาที่แท้จริงมาจากเรื่องเงิน ซึ่งมาจากปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เศรษฐกิจ การสร้างรายได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการขาดการเข้าถึงความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้เรื่องการเจริญพันธุ์ เพศศึกษา และการคุมกำเนิด อย่างในช่วงที่ผ่านมา เราน่าจะได้เห็นข่าวเกี่ยวกับครอบครัวที่ฐานะไม่ดี แต่ไม่มีการคุมกำเนิด มีลูกหลายคน หัวปี ท้ายปี และไม่สามารถที่จะดูแลลูกอย่างดีได้ ปล่อยให้ลูกอดบ้าง ไม่ได้อาบน้ำเป็นสิบวันบ้าง เราลองจินตนาการดูว่าถ้าเด็กๆเหล่านี้โตขึ้น เค้าจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่แบบไหน ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างไร ซึ่งปัญหาเหล่าสามารถป้องกันปัญหาที่ต้นเหตุได้ ถ้ามีความรู้ ความเข้าใจ มีความคิดวิเคราะห์ เกี่ยวกับสถานภาพทางการเงินของตัวเอง ของครอบครัว และการคุมกำเนิด
  11. วัยของผู้ตั้งครรภ์ ซึ่งในที่นี้ต้องบอกก่อนเลยว่า การท้องไม่พร้อมสามารถที่จะเป็นปัญหาได้ในทุกช่วง ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะในผู้ตั้งครรภ์ที่อายุน้อยๆ หรือพูดง่ายๆก็คือ การท้องในวัยเรียนนั่นเอง ในผู้ตั้งครรภ์ที่อายุเยอะก็มีปัญหาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาทางด้านสุขภาพ เพราะฉะนั้นจะขอข้ามเรื่องนี้ไป ส่วนการท้องในวัยเรียนถ้าเราต้องเปิดหัวข้อคุยกันในเรื่องนี้ว่าท้องในวัยเรียนแล้วจำเป็นต้องแก้ปัญหาด้วยการทำแท้งเสมอมั้ย ก็คงต้องตอบว่าไม่จำเป็น แต่ถ้าจะไปต่อในเรื่องของที่ว่าสามารถที่จะเก็บลูกไว้ แล้วเรียนด้วย เลี้ยงลูกด้วยได้หรือไม่ อันนี้ก็อาจจะต้องไปตกลงกันในแต่ละครอบครัวกันต่อไป 
  12. พลาด พลาดในที่นี้คือ การตั้งครรภ์จากการที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น ไม่ได้ต้องการมีบุตรหรือลงหลักปักฐานสร้างครอบครัว แต่ไม่ได้ป้องกัน หรือ เกิดความผิดพลาดจากการป้องกัน
  13. ไม่อยากมี สาเหตุนี้พบมากในยุคสมัยนี้โดยเฉพาะวัยทำงานที่มีความพร้อมทั้งทางด้านการเงิน การงาน มีครอบครัวที่ดี มีความรู้และความสามารถเพียงพอที่จะเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เจริญเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดีและมีความสุขได้ แต่พวกเขาเหล่านี้อาจจะมีมุมมองที่ต้องกรความสุขสงบเพียงส่วนตัว ไม่อยากมีเด็กอีกคนเพิ่มเข้ามาให้เป็นภาระต้องรับผิดชอบ จึงเลือกที่จะทำแท้งเพียงแค่เพราะว่าไม่อยากมี 

3 ใน 5 สาเหตุนี้ล้วนมีรากฐานของปัญหาที่แท้จริงมาจากเรื่องเงิน ซึ่งมาจากปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เศรษฐกิจ การสร้างรายได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการขาดการเข้าถึงความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้เรื่องการเจริญพันธุ์ เพศศึกษา และการคุมกำเนิด อย่างในช่วงที่ผ่านมา เราน่าจะได้เห็นข่าวเกี่ยวกับครอบครัวที่ฐานะไม่ดี แต่ไม่มีการคุมกำเนิด มีลูกหลายคน หัวปี ท้ายปี และไม่สามารถที่จะดูแลลูกอย่างดีได้ ปล่อยให้ลูกอดบ้าง ไม่ได้อาบน้ำเป็นสิบวันบ้าง เราลองจินตนาการดูว่าถ้าเด็กๆเหล่านี้โตขึ้น เค้าจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่แบบไหน ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างไร ซึ่งปัญหาเหล่าสามารถป้องกันปัญหาที่ต้นเหตุได้ ถ้ามีความรู้ ความเข้าใจ มีความคิดวิเคราะห์ เกี่ยวกับสถานภาพทางการเงินของตัวเอง ของครอบครัว และการคุมกำเนิด

แม่จำเป็น ท้องเอง-ทำแท้งเอง

addline

       “กฎหมายไม่ใช่คำตอบทุกอย่าง บางประเทศมีกฎหมายอนุญาตให้ทำแท้งได้ แต่คนก็ยังไม่เข้าถึงเพราะไม่มีแพทย์ ส่วนประเทศไทยสถานการณ์เหมือนจะดีขึ้น แต่การใช้ยายุติการตั้งครรภ์ยังน้อยเพราะไม่อนุญาต แม้แต่ในโรงพยาบาลก็ยังใช้เหล็กขูดมดลูกอยู่ ยังไม่มีเครื่องดูดมดลูกระบบสุญญากาศ และไม่มียายุติการตั้งครรภ์ สิ่งเหล่านี้ยังเป็นข้อจำกัดอย่างหนึ่งในการดำเนินการการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย”


ผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ตัดสินใจ “ทำแท้งด้วยตัวเอง” และอีกเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ยอมทำแท้งกับผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์หรือไม่ทราบว่าผู้ทำแท้งให้คือใคร!!
          ส่งผลให้มีผู้ป่วยอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์เลือกทำแท้งด้วยวิธีการที่ไม่ปลอดภัย เช่น การบีบหน้าท้อง การใส่ของแข็งหรือฉีดสารต่างๆ ทางช่องคลอด, 9 เปอร์เซ็นต์ใช้วิธีการทำแท้งด้วยการขูดมดลูก จึงทำให้มีผู้ป่วยจากการทำแท้งเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึง 21.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งภาวะตกเลือดมากจนต้องให้เลือดถือเป็นอาการที่พบเจอมากที่สุด คิดเป็น 14.8 เปอร์เซ็นต์
          ข้อมูลเหล่านี้มาจากการสำรวจโรงพยาบาล 101 แห่ง ใน 13 จังหวัด เพื่อเฝ้าระวังการแท้งในประเทศไทย ครั้งล่าสุด (เมื่อปี 2554) โดยระบุว่า 1 ใน 3 เป็นผู้ป่วยทำแท้ง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 15-19 ปี มากที่สุดถึงร้อยละ 28, เป็นการตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจร้อยละ 71.5 และไม่ได้คุมกำเนิดถึงร้อยละ 53.1 ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจทำแท้งส่วนใหญ่เป็นเพราะแรงบีบเรื่องสังคม ครอบครัว สุขภาพ และฐานะทางเศรษฐกิจ

ปรึกษาท้องไม่พร้อมแอดไลน์ @cytotank


          ถึงแม้สังคมจะตั้งคำถามว่าการเปิดตัวสายด่วน “1663 สายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม” อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการส่งเสริมการทำแท้งในประเทศทางอ้อม เนื่องจากทางเครือข่ายจะเปิดสายให้คำปรึกษาและแนะนำสถาน
          ที่ที่เหมาะสมต่อการยุติการตั้งครรภ์ให้คุณแม่จำเป็นบางส่วน แต่นายแพทย์ก็ยืนยันว่าดีกว่าปล่อยให้ไปทำแท้งเถื่อน “เพราะการจำกัดการเข้าถึงการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย ไม่สามารถแก้ปัญหากลุ่มผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมไม่ให้ไปทำแท้งเถื่อนได้ หรืออาจตั้งครรภ์จนคลอดแต่สุดท้ายก็นำเด็กไปทิ้งได้เหมือนกัน”
          เทียบกับประเทศที่มีอนุญาตให้มีการทำแท้งอย่างเปิดกว้าง หรือที่คนไทยชอบเรียกติดปากว่า “ทำแท้งเสรี” เมื่อพิจารณาจากสถิติแล้ว จะเห็นว่าอัตราการคลอด การตั้งครรภ์ และการแท้งในบ้านเมืองเขาลดลงทั้งหมด โดยเฉพาะกรณีของประเทศโรมาเนีย หลังจากเปิดให้ทำแท้งเสรี พบว่ามีอัตราการทำแท้งไม่ปลอดภัยลดเหลือต่ำมาก แต่เมื่อแก้กฎหมายกลับมาจำกัดการทำแท้งเสรีแล้ว กลับทำให้อัตราการทำแท้งไม่ปลอดภัยพุ่งสูงมากจนน่าตกใจ จนภาครัฐต้องตัดสินใจกลับมาแก้กฎหมายอีกครั้ง
          แม้แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังสรุปว่าระหว่างประเทศที่กฎหมายอนุญาตและไม่อนุญาตให้ทำแท้งเสรี สถิติการทำแท้งไม่แตกต่างกันมาก แต่กลุ่มประเทศที่กฎหมายจำกัดเรื่องนี้ จะมีการทำแท้งเถื่อนและทำแท้งไม่ปลอดภัยสูงกว่ามาก ขณะที่กลุ่มประเทศที่ไม่จำกัดหรือเปิดให้ทำแท้งเสรีมีอัตราการทำแท้งแทบเป็นศูนย์
          ทำแท้งทุกวันนี้ “เสรี” มากแล้ว
          “ตอนนี้ ประเทศไทยมีตัวบทกฎหมายที่อนุญาตให้ยุติการตั้งครรภ์ได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกกรณีค่ะ จะทำได้คือ 1. ถ้าผู้หญิงคนนั้นมีปัญหาสุขภาพกาย ถ้าท้องต่อแล้วตัวผู้หญิงจะมีปัญหา เขาก็มีสิทธิขอยุติการตั้งครรภ์ได้ 2. ถ้าผู้หญิงคนนั้นอายุต่ำกว่า 15 ปี สามารถขอยุติการตั้งครรภ์ได้เหมือนกัน เพราะตามกฎหมาย อายุต่ำกว่า 15 ถือว่าถูกล่อลวงหรือถูกข่มขืนหมดเลย 3. กรณีถูกข่มขืนหรือถูกล่อลวง ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ และ 4. ผู้หญิงที่มีปัญหาทางใจหรือเครียดอย่างรุนแรง จนมี แนวโน้มว่าจะส่งผลต่อตัวคุณแม่ ตัวอ่อนในครรภ์
          ส่วนใหญ่ ปัญหาของผู้หญิงที่ขอเข้ามายุติการตั้งครรภ์ ถือว่าเข้าข่ายหลักเกณฑ์นี้ทั้งหมดเลย ถือเป็นการยุติการตั้งครรภ์โดยเป็นไปตามกฎหมายรองรับ แต่ไม่อยากให้ใช้คำว่า “ทำแท้งเสรี” เลยค่ะ เพราะมันให้อารมณ์เหมือนการค้าเสรี ซื้อขายได้เท่าไหร่ก็ได้ ไม่ต้องมีภาษี ซึ่งมันไม่ใช่ แท้งเสรีมันน่าจะใช้กับการทำแท้งเถื่อนมากกว่า ที่ไม่พิจารณาเลยว่าคุณจะมีอายุครรภ์เท่าไหร่ มีปัญหาอะไรมาไม่สนใจ เราทำให้หมดเลย แต่ที่ทางเครือข่ายประสานงานกันอยู่ทุกวันนี้ เรายังทำตามข้อกำหนดเรื่องของอายุครรภ์อยู่มาก” ทัศนัย ขันตยาภรณ์ เจ้าหน้าที่องค์การแพธ (PATH) ผู้ประสานงานเครือข่ายท้องไม่พร้อม เจาะลึกรายละเอียดให้ฟัง
          ถามว่าต้องการให้กฎหมายเปิดกว้างเรื่องทำแท้งให้เสรีมากกว่าที่เป็นอยู่หรือเปล่า เพราะการทำแท้งเสรีในระดับสูงสุดคืออนุญาตให้ยุติการตั้งครรภ์ได้เมื่อผู้หญิงต้องการ ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร อย่างที่ใช้กันในประเทศเนปาล, เวียดนาม, กัมพูชา, อเมริกาในบางรัฐ ฯลฯ
          จากมุมมองส่วนตัวแล้ว เธอตอบเลยว่า “ไม่จำเป็น” เพราะกฎหมายที่เรามีอยู่เปิดกว้างพอสมควรแล้ว ยกเว้นว่าในอนาคตอาจจะมีการแก้ไขกฎหมายให้เป็นธรรมกับผู้หญิงมากขึ้น เช่น ถ้าผู้หญิงมีปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือ ไม่สามารถเปิดเผยการตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากเป็นการตั้งครรภ์นอกสมรส หรือผู้หญิงไม่พร้อมจะมีลูกจริงๆ แม้กระทั่งผู้หญิงที่ตั้งครรภ์เพราะทำหมันแล้วหมันหลุด ตรงนี้ยังไม่มีข้อกฎหมายในปัจจุบันรองรับให้ยุติการตั้งครรภ์ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าจะแก้ไขกฎหมาย ให้ขยายความกว้างกว่าเดิมในจุดนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์มากขึ้น
          “ผู้หญิงที่เจอปัญหาแบบนี้ เขาควรได้รับคำปรึกษาจากคนที่รู้ข้อกฎหมายและเข้าใจสภาพจิตใจของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม รับฟังทุกปัญหาว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้วก็ช่วยเขาคลี่คลาย ซึ่งบริการแบบนี้มีในโรงพยาบาลบางแห่งนะ ตั้งเป็นศูนย์เลย แต่ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่กล้าเดินไปที่โรงพยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือ การโทรศัพท์จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะได้สื่อสารสองทางกับผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
          โดยส่วนตัวแล้ว เรามองว่าทางเครือข่ายช่วยเขาแก้ปัญหามากกว่า ให้เขาเลือกทางแก้ปัญหา จากนั้นเราก็แนะนำเขาไปในที่ที่ปลอดภัย บางคน เขาบอกว่าอยากทำแท้ง พอคุยไปคุยมา มารู้ทีหลังว่าเขาถูกพ่อข่มขืน เพราะฉะนั้น เราก็จะส่งต่อโรงพยาบาลตำรวจให้ช่วยทำคดีให้ และต้องให้เขาแยกจากครอบครัว ติดต่อไปยังศูนย์พักพิง จะได้มีที่อยู่ ไม่ต้องไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เขาไม่อยากจะอยู่ ปัญหามันหลากหลายค่ะ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เพราะฉะนั้น กฎหมายก็เปิดกว้างให้สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ตามกรณีที่กล่าวมา”
          ช่วยแม่ VS ฆ่าลูก
          ในวันเปิดตัวสายด่วน 1663 ปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม ผศ.นพ.ธนพันธ์ ชูบุญ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้หยิบประเด็นเรื่องการใช้ยาทำแท้งขึ้นมาพูดถึงอย่างเปิดเผย โดยอธิบายว่า “หากอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ ควรใช้ไมโซพรอสตัล แต่ต้องใช้ในโรงพยาบาลเท่านั้น เพราะใช้แล้วจะมีการตกเลือดสูง ซึ่งโรงพยาบาลจะมีการดูแลรักษาอย่างดี ส่วนยาอาร์ยู 486 ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีการควบคุมคุณภาพหรือการผลิตที่ไหนอย่างไร จึงไม่แนะนำให้สั่งซื้อมาใช้เอง โดยยาตัวนี้ควรใช้ตอนอายุครรภ์ไม่เกิน 9 สัปดาห์”
          ข้อมูลดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องการทำแท้งในครั้งนี้ อาจเป็นมีดสองคม เป็นการชี้ช่องให้เอาเด็กออกได้ง่ายขึ้นหรือเปล่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทัศนัย ผู้ประสานงานเครือข่ายท้องไม่พร้อมมองว่าถ้าไม่แนะนำอย่างถูกต้อง อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมมากกว่าอีก
          จริงๆ แล้วเราควรจะมีคำแนะนำขั้นต่ำเพื่อส่งเสริมการป้องกันตัวเองให้ผู้หญิงเหมือนกัน แต่พูดตรงๆ ว่าไม่ค่อยมีเว็บไซต์ไหนกล้าลงข้อมูลเรื่องนี้ว่า อายุครรภ์ขนาดไหนควรใช้กี่โดส ถ้าเครือข่ายเราไปลงในเว็บไซต์ก็จะกลายเป็นว่า เราไปสนับสนุนสิ่งที่สังคมต่อต้าน เราก็เลยทำไม่ได้ แต่ที่ให้ข้อมูลออกไปอย่างนั้น เพราะทุกวันนี้มีผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และต้องการทำแท้ง เลือกวิธีซื้อยาจากอินเทอร์เน็ตกันเยอะมาก
          การซื้อยาจากอินเทอร์เน็ตโดยที่ไม่รู้ว่า ยาจริงหรือเปล่า ปลอดภัยมั้ย, โดสของยาถูกต้องหรือเปล่า, อายุครรภ์ขนาดไหนเหมาะกับยาตัวไหน นี่คือเรื่องที่ภาครัฐต้องเข้ามาดูแลค่ะ กำจัดเว็บไซต์ที่ผลิตยาปลอม แต่เท่าที่เห็น ทางรัฐก็ไม่ทำอะไรเลย หรือแม้กระทั่งโรงพยาบาลบางแห่ง เขาก็แอบอ้างขายยาโดยใช้ชื่อโรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลคลองตัน มีการแจ้งความกันมาเป็นปีแล้ว แต่รัฐก็ไม่ได้เข้ามาจัดการเลย ทำให้รู้สึกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงท้องไม่พร้อม ที่ใช้ยาไม่ถูกต้อง ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากความไม่เข้มงวดนี่แหละค่ะ
          ทางสายด่วนของเราเองก็ไม่ได้แนะนำว่าจะยุติการใช้ยาด้วยวิธีไหน ว่าจะใช้ยาหรือใช้วิธีทางการแพทย์แบบไหน แต่จะแนะนำสถานที่ที่เหมาะสมให้ ถ้าอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ เราก็จะแนะนำให้ไปสถานที่เหล่านี้ ส่วนสถานพยาบาลเหล่านั้นจะให้ใช้ยาหรือใช้วิธีไหน ก็ต้องแล้วแต่กรณีไป”
          อีกประเด็นที่ถกเถียงกันตลอดเมื่อพูดถึงการทำแท้ง นั่นก็คือเรื่องของ “บาปกรรม” ในฐานะตัวแทนเครือข่ายท้องไม่พร้อมที่ต้องเผชิญกับคำถามนี้มาตลอด จึงขอฝากทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “ถ้าเราช่วยคนคนหนึ่งให้สามารถคลี่คลายปัญหาเขาได้ และชีวิตเขาสามารถยืนยาวต่อไปได้ ได้ยุติการตั้งครรภ์ มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย ในอนาคตสามารถแต่งงานกับใครก็ได้ มีลูกเมื่อพร้อมกับครอบครัวที่อบอุ่น กับอีกทางหนึ่ง ปล่อยเขาไว้ ไม่ให้ความช่วยเหลือ ผู้หญิงคนนึงก็อาจจะทำร้ายตัวเอง เขาอาจจะเสียชีวิตหรือมีลูกไม่ได้ไปตลอดชีวิตหรือต้องพิการ มันก็ต้องชั่งน้ำหนักว่า การช่วยเหลือคนที่อยู่ตรงหน้ามันเรียกว่าบาปหรือเปล่า?”
   แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อปัญหามันเกิดขึ้นแล้ว สังคมก็ไม่ควรจะซ้ำเติมและต้องหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณแม่ท้องไม่พร้อม
          “คนรอบข้างและสังคมต้องอย่าประณาม อย่าตำหนิ แต่ควรยอมรับความจริงว่า สิ่งนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ต้องมองไปข้างหน้าว่า จะจัดการกับปัญหาอย่างไร เพราะคนที่เขาผิดพลาดอยู่แล้ว หากไปซ้ำเติมอีก ก็เท่ากับว่า ทำให้เขาเจ็บปวดหนักขึ้นไปกว่าเดิมอีกมาก ดังนั้น ต้องเปลี่ยนคำด่าเป็นคำแนะนำ เปลี่ยนความโกรธ เป็นความเข้าใจและความเมตตา ในฐานะที่เป็นปุถุชน เราทุกคนมีโอกาสพลาดกันได้ และก็ด้วยความเป็นปุถุชนนี่แหละ เราก็สามารถที่จะแก้ตัวได้เหมือนกัน
          การซ้ำเติมจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะผู้ทำผิด ก็แสดงออกอยู่ในตัวเองอยู่แล้วว่า เขายังอ่อนต่อโลก ยังไร้เดียงสา ยังอ่อนประสบการณ์และปัญญา สิ่งที่เขาต้องการคือการชี้แนะหนทางที่ถูกต้อง การให้โอกาส และกำลังใจ ดังนั้น การให้คำแนะนำที่ดี การให้กำลังใจ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด”

ขายยาทำแท้ง ยาขับเลือด ปรึกษาLine@cytotank
เพิ่มเพื่อน
error: Content is protected !!