ยาขับเลือด คืออะไร และควรใช้อย่างไรให้ถูกต้อง

ยาขับเลือด เป็นยาสตรีแผนโบราณที่ประกอบด้วยสมุนไพรหลายชนิด มีทั้งชนิดน้ำและชนิดเม็ดสำหรับรับประทาน สรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย ปรับสมดุลฮอร์โมน ปรับการหมุนเวียนโลหิต และช่วยให้ประจำเดือนมาปกติ ซึ่งหากรับประทานยาขับเลือดอย่างถูกวิธีก็จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพผู้หญิงมากมาย แต่หากรับประทานผิดก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ก่อนรับประทานยาทุกชนิดควรขอคำปรึกษาจากคุณหมอ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากยา

ยาขับเลือดท้องอ่อนๆ

ยาขับเลือด คืออะไร

ยาขับเลือด หรือที่หลายคนอาจรู้จักกันในชื่อของ ยาสตรี เป็นยาสมุนไพรที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรหลายชนิด เช่น ขิง ดีปรี พริกไทย น้ำมันสะระแหน่ ดอกคำฝอย ชะเอม โกฐเชียง โกฐหัวบัว กิ่งอบเชย ว่านชักมดลูก กวาวเครือขาว เทียนดำ เทียนแดง ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงร่างกาย และอื่น ๆ ดังนี้

  • บำรุงโลหิต กระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนดี
  • บรรเทาอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส
  • ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย
  • ช่วยบรรเทาอาการตกขาว
  • ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น
  • ช่วยขับน้ำคาวปลา

โดยสมุนไพรในยาขับเลือดมีคุณสมบัติคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่ช่วยในการสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาขึ้น และเมื่อไม่มีการตั้งครรภ์เยื่อบุโพรงมดลูกจะลอกและสลายตัวกลายเป็นเลือดประจำเดือน ส่งผลให้ผู้หญิงประจำเดือนมาปกติมากขึ้น

ยาขับเลือด ใช้อย่างไร

ปัจจุบันยาขับเลือดมี 2 ชนิดให้เลือกรับประทานได้ตามความสะดวก คือ ชนิดน้ำและชนิดเม็ด โดยแต่ละชนิดอาจมีวิธีรับประทานที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • ยาขับเลือดชนิดน้ำ รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น
  • ยาขับเลือดชนิดเม็ด รับประทานครั้งละ 1-2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น

อย่างไรก็ตาม ส่วนประกอบของยาแต่ละยี่ห้ออาจมีปริมาณไม่เท่ากัน ขนาดของยาที่เหมาะสมจึงอาจแตกต่างกันด้วย จึงควรอ่านวิธีรับประทานยาขับเลือดที่ระบุมาในบรรจุภัณฑ์ หรือสอบถามคุณหมอเพื่อให้สามารถรับประทานยาได้อย่างเหมาะสม

ข้อควรระวังในการใช้ยาขับเลือด

การรับประทานยาขับเลือดที่ไม่ถูกต้อง อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ดังนี้

อาจทำให้มีอาการตกขาวมากขึ้นและเป็นเวลานาน

อาจเสี่ยงทำให้โพรงมดลูก ช่องคลอดและปากมดลูกอักเสบ

อาจเสี่ยงทำให้ทารกในครรภ์จะมีภาวะพิการแต่กำเนิด เนื่องจากในยาขาบเลือดมีส่วนประกอบของรากเจตมูลเพลิงแดงและแอลกอฮอล์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์

ผู้ที่ใช้ยาขับเลือดติดต่อกันเป็นเวลานาน 3-6 เดือน อาจเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการติดสุราเรื้อรัง เนื่องจากยาขับเลือดมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่อาจส่งผลกระทบต่อตับได้

อาจเสี่ยงในเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งโพรงมดลูก หรือเนื้องอกบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น ปากมดลูก มดลูก รังไข่

อาจเสี่ยงในเกิดโรคบางอย่าง เช่น ถุงน้ำหรือซีสต์ที่เต้านมและรังไข่ โรคช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!